เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาล จ.ขอนแก่น ได้นัดฟังพิจารณาคดี ของนายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกมวยเหรียญทองโอลิมปิก และนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ ชาว ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น คนสนิทของนายสมรักษ์ จากคดีพรากผู้เยาว์เด็กหญิงวัย 17 ปี เหตุเกิดเมื่อเดือน ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา

โดยนายสมรักษ์และ นายพิเชษฐ์ เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่น ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยไม่มีท่าทีที่วิตกกังวลแต่อย่างใด ในขณะที่ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพ และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปร่วมรับฟังคำพิพากษาภายในห้องพิจารณาคดีของศาล

โดยทันที นายสมรักษ์ เดินทางมาถึง ได้ทักทายสื่อมวลชน ที่เฝ้าติดตามทำข่าวอยู่บริเวณริมรั้วนอกเขตอำนาจศาล ก่อนเดินเข้าไปในศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดีกับสมรถ คำสิงห์ พี่ชายของนายสมรักษ์ ทันที

นายสมรักษ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ในทางคดีไม่ได้มีความเครียด เมื่อคืนเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม หลังจากไปออกกำลังกายที่บึงแก่นนครในช่วงเย็น และเดินทางมาที่ศาลตามการนัดหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิมเติมว่า คดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลเอาผิดนายสมรักษ์ ทั้งหมด 4 ข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองตาม ป.อาญามาตรา 318 ,ข้อหา ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อการอนาจารตามป. อาญา มาตรา 283 ,ข้อหา กระทำอนาจารแก่คนอายุเกิน 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อาญามาตรา 278 และข้อหาพยายามข่มขืนผู้อื่นใช้กำลังประทุษร้ายตาม ตามป.อาญามาตรา 76 และมาตรา 80

ส่วนนายพิเชษฐ์ คนสนิทที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่พานายสมรักษ์ กับ น.ส.เอ อายุ 17 ปี จากสถานบริการไปที่โรงแรม ถูกสั่งฟ้องรวม 2 ข้อหาคือ ข้อหา ร่วมกันพรากผู้เยาว์ และ ข้อหา ร่วมกันพาบุคคลอื่นไปทำอนาจาร ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฯ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง

สอดคล้องผลการชันสูตรบาดแผล ร่องรอยความรุนแรงตามร่างกาย จากการใช้แรงกดทับ ไม่ใช่การจับธรรมดา รวมทั้งมุมปากช่องคลอดด้านล่าง ที่ผู้เสียหายให้การว่า จำเลยที่ 1 พยายามข่มขืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย แต่ไม่บรรลุผล เพราะดิ้นขัดขืน

ข้อต่อสู้จำเลยว่า ผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่า จะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้

พิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง.