จากกรณี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าการถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจขายตรงของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยขณะนี้คดีดังกล่าว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กำลังดำเนินการอยู่ 

อีกทั้ง เมื่อถามถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่ขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน ซึ่ง “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” ยืนยันว่าถ้าการตรวจสอบยังไม่จบ ต้องมีอะไรให้ประชาชนมั่นใจว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ต้องแจ้งประชาชน ยืนยันเรื่องนี้ไม่เป็นมวยล้มอย่างแน่นอน ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “The iCon Group” ได้โพสต์ข้อความร่ายยาวถึงพี่น้องครอบครัว The iCon ว่า “ในวันนี้ครอบครัวของเรากำลังเผชิญกับปัญหาหนัก หนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ผมได้ก่อตั้งครอบครัวนี้ขึ้นมา ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผมก่อตั้งบริษัท The iCon Group ผมมีความตั้งใจจริงที่จะทำธุรกิจอย่างถูกต้อง และเปิดเผยต่อสาธารณะ ผมมีปณิธานความมุ่งมั่นที่ต้องการจะสร้างธุรกิจ ที่สามารถสร้างอาชีพรายได้ให้กับพี่น้องคนไทย ผมมีความปรารถนาที่จะผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ให้แก่ผู้บริโภคทุกคน”

“บริษัท The iCon Group มีความตั้งใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่สนใจ ในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ตลอด 7 ปี เรามุ่งมั่นพัฒนาระบบหลังบ้าน เว็บไซต์ ระบบการจัดจําหน่าย ระบบคลังสินค้า และการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค จนไปถึงระบบการคิดคำนวณกำไรให้แก่ผู้จัดจำหน่ายทุกอย่างเบ็ดเสร็จครบครัน เพื่อให้ทั้งผู้บริโภคและสมาชิก สามารถซื้อสินค้าและทำธุรกิจได้อย่างง่ายดาย และให้ได้รับประโยชน์สูงสุด”

“ผมดีใจที่มีผู้บริโภคมากมาย ที่มีโอกาสได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรา ผมดีใจที่ได้เปิดโอกาสให้อาชีพขายของออนไลน์ ที่ผมรักและศรัทธาได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา จนปัจจุบันนี้มีผู้ที่เป็นผู้บริโภค และสมาชิกกว่าหลายแสนคน ผมขอโอกาสนี้ขอบคุณทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้บริโภค สมาชิก พนักงานน้องๆทุกคนในออฟฟิศ ลูกค้าทุกคนที่เคยซื้อ หรือเพียงแค่เคยเห็น แต่ยังไม่เคยซื้อก็ตาม ผมขอขอบคุณจากใจจริง ทุกคนมีส่วนร่วมทำให้บ้านหลังนี้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าวันนี้บางคนอาจไม่ได้เดินร่วมทางกันแล้วก็ตาม แต่ขอให้ทุกคนจงเชื่อว่า ผมสร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยใจรักและปรารถนาดีกับทุกคน”

“อย่างที่ทุกคนทราบตอนนี้ ผมและบรรดาบอสทุกคนถูกจับเข้าคุก จากข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทเรา “ฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ผมไม่เคยมีแม้แต่จะคิดเลย ว่ามันจะเกิดขึ้นกับบริษัทของผมได้ เพราะผมเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทเรานั้น ดำเนินภายใต้กรอบแห่งศีลธรรม และความถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ผมตั้งบริษัทขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ใบอนุญาตมาตรฐานสินค้า ไปจนถึงการจ่ายภาษีให้แก่รัฐอย่างถูกต้องเสมอมา”

“ผมอยากจะบอกว่า วันนี้ผมต้องประสบชะตากรรมในการถูกจับเข้าคุก ทั้งที่ตามกฎหมายผมและบอสทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ไม่มีแม้แต่สิทธิในการออกไปต่อสู้คดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วผมไม่โทษใคร และผมพร้อมที่จะชี้แจงความจริงให้กับสังคมได้รับทราบ เมื่อได้รับโอกาสนั้นผมเข้าใจดี การทำธุรกิจย่อมมีทั้งคนรักและคนไม่ชอบเราคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ทุกคนรักเราทั้งหมด”

“ผมเข้าใจการที่วันนี้ผู้คนในสังคม หลังจากได้เห็นข่าวของบริษัท อาจทำให้ท่านรู้สึกไม่ชอบและเกลียดผม รวมทั้งบริษัทของผม ผมอยากกราบขอโทษท่านเหล่านั้น อย่างไรก็ตามผมยังขอยืนยันว่าการดำเนินธุรกิจของผม เคารพในกฎหมายเป็นที่สุด ผมไม่โกรธหรือโทษใครทั้งนั้น วันนี้ผมไม่ได้ต้องการร้องขอให้ใครเห็นใจ แต่ผมขอแค่มอบความเป็นธรรมให้แก่ผม และบอสๆที่เสมือนครอบครัวของผม”

“ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินธุรกิจของผมนั้นห่างไกลคำว่า “ฉ้อโกงประชาชน” และ “แชร์ลูกโซ่” เป็นอย่างมาก เราเป็นเพียงบริษัทที่ขายสินค้าปลีก/ส่งสินค้าให้แก่ผู้บริโภคและสมาชิกเท่านั้น ภายใต้ความจริงที่ว่า “ทุกคนที่ซื้อสินค้าย่อมได้สินค้า ทุกคนที่ขายสินค้าย่อมได้กำไร”

“วันนี้ถึงแม้ตัวผมจะอยู่ในคุก แต่ผมยังยืนยันว่าผมจะสู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมจะสู้เพื่อพิสูจน์ความจริง ผมจะสู้เพื่อพี่น้องครอบครัว The iCon ผมจะสู้เพื่อทุกคนที่ยังขายสินค้า ผมขอสู้เพื่อสมาชิกของผมและพนักงานในบริษัทของผม ผมถือโอกาสนี้บอกกับพี่น้อง The iCon ทุกคนว่า ผมและบอสทุกคนจะไม่หนีไปไหน ผมจะสู้จนลมหายใจสุดท้ายของผม ผมจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ทุกคนได้เห็น ขอบคุณครับ”

ขอบคุณข้อมูล : The iCon Group