เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมด้วยนายกิติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธาน คณะกมธ.กฎหมายและยุติธรรม วุฒิสภา นำคณะเข้าลงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบมและป่าสียัด บริเวณหมู่ 20 บ้านห้วยนา และหมู่ 14 บ้านเขากล้วยไม้ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อตรวจสอบกรณีนายทุนจีน กว้านซื้อที่ดินของชาวบ้านมาทำสวนทุเรียนแปลงใหญ่ประมาณ 700 ไร่ จากการตรวจสอบพบต้นทุเรียนอายุประมาณ 2 ปี ความสูงประมาณ 1 – 2 เมตร โดยมีการวางแผนปลูกอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นการลักลอบปลูกในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ นอกจากนี้ยังพบการตัดถนนเข้าพื้นที่ ขุดบ่อลึกประมาณ 30 เมตร โดยใช้เครื่องจักรหนัก และมีอาคารบ้านพักคนงานหลายหลัง รวมถึงพบการขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อวางระบบท่อฉีดน้ำสวนทุเรียน โดยได้รับการยืนยันจาก อบต.คลองตะเกรา ว่า เป็นการดำเนินงานโดยไม่มีการขออนุญาตขุดดิน ถมดินต่อทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นายชีวะภาพ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ภาคตะวันออก กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากการบุกรุก แผ้วถางป่าเพื่อทำสวนทุเรียน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ ที่แสดงให้เห็นว่า “กลุ่มทุนจีน”พยายามเข้ามาถือครองที่ดิน โดยใช้เทคนิคกว้านซื้อที่ดินผ่านบริษัทเจ้าของเดิมที่มีคนไทยที่เป็นผู้ร่วมถือหุ้นอยู่แล้ว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย จากภาพที่ปรากฏและข้อมูลที่ได้รับในวันนี้ น่าตกใจว่าที่ดินที่ภาครัฐจัดสรรให้กับประชาชนผ่านโครงการ คทช. ตกไปอยู่ในมือกลุ่มทุนจีน และยังพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า “คนมีชื่อถือครองสิทธิ์ คทช.” มีหลายคนมาจากจังหวัดจันทบุรีและตราด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไล่ตรวจสอบไปยังชื่อบุคคลดังกล่าว เจ้าตัวกลับแจ้งว่า ไม่เคยขอใช้สิทธิ์ถือครองที่ดินในบริเวณที่กำลังปรากฏเป็นข่าวอยู่ ณ ขณะนี้

นอกจากนี้ นายชีวะภาพ ยังระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบังคับใช้กฎหมายป่าไม้อย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด ทั้งนี้มาตรการยึดคืนที่ดินกลับมาและตัดสิทธิ์คนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจากภาครัฐ ไม่อาจทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไปได้ ควรต้องใช้ “ยาแรง”ด้วยการประสาน ปปง. เข้ามาตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินควบคู่ เพราะเชื่อว่า อาจมีขบวนการบางกลุ่มต้องการใช้ที่ดินและสวนทุเรียนดำเนินการเพื่อให้เงินบางอย่างถูกกฎหมาย เพราะทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจที่ราคาค่อนข้างสูงในแต่ละปี จึงแนะนำให้กรมป่าไม้ หาหลักฐานให้รัดกุม ดำเนินคดีกับ “กลุ่มนายทุนต่างชาติ” และดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับประโยชน์แต่กลับขายที่ดินให้กลุ่มต่างชาติ ตรวจสอบหาผู้ที่ถือครองที่ดิน ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา พร้อมทั้งรื้อถอนสวนและปลูกป่าทดแทนให้เป็นป่าชุมชน โดยใช้ยาแรงดำเนินคดีกับทุกคนที่บุกรุกทำลายป่าทรัพยากรธรรมชาติของไทย.