
ส้มตรุษจีน นักโภชนาการเตือนอย่าทิ้ง “ส่วนสำคัญ” เด็ดขาด กินแล้ว “โชคดี” ด้านสุขภาพ เพราะมีประโยชน์เยอะมาก ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หลายครอบครัวมักเตรียมขนมและผลไม้ไว้รับประทานกัน […]
การตัดสินใจของลูกเขยหลังภรรยาเสียชีวิตไป 10 ปี ทำให้แม่ยายกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “แม่ก็คิดเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูด!”
เว็บไซต์ Kenh14.vn รายงานเรื่องราวของ เต๋อเจี้ยน ชายวัย 40 ปี จากซินเจียง ประเทศจีน ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเขาลง Weibo หลังจากเขาดูแลแม่ยายมานานกว่า 10 ปี การตัดสินใจของเขาหลังภรรยาเสียชีวิตไป 10 ปี ทำให้แม่ยายกลั้นน้ำตาไม่อยู่
โดยระบุว่า “ผมอาศัยอยู่กับลูกสาวและแม่ยายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในซินเจียง ผมทำงานเป็นพนักงานธนาคารในตัวเมือง ส่วนลูกสาวตอนนี้เรียนมัธยมต้น แม่ยายช่วยดูแลงานบ้านเป็นหลัก บางครั้งก็รับจ้างทำงานบ้านรายชั่วโมงหรือขายผักและไก่ที่เลี้ยงเอง เพื่อหารายได้เสริม
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม่ยายไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้านแล้ว เพราะอายุมากเกือบ 70 ปี ภรรยาของผม เสี่ยวฉิน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นพวกเราอาศัยอยู่กับแม่ยาย เธอเคยคิดจะย้ายออกไปหลังจากลูกสาวเสียชีวิต แต่ผมขอร้องให้เธออยู่ต่อ
ผมไม่ได้สัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดีที่สุด แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้เธออด แม้ว่าบางวันผมจะมีแค่ผักกิน ผมก็จะแบ่งเนื้อให้เธอเสมอ
อีกเหตุผลหนึ่งคือผมต้องการให้เธอช่วยดูแลลูกสาว ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุแค่ 2 ขวบ และเราสองคนเพิ่งแต่งงานกันได้แค่ 2 ปี นอกจากนี้ ผมมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ภรรยาผมต้องการ
แม่ยายเป็นคนจิตใจดี ผมรักและเคารพเธอเหมือนเป็นแม่แท้ๆ เพราะผมเองก็เป็นเด็กกำพร้า ครอบครัวของเสี่ยวฉินก็คือครอบครัวของผมเช่นกัน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พวกเราสามคนอยู่ด้วยกัน พึ่งพาและดูแลกันมาโดยตลอด
ช่วงแรกหลังภรรยาเสียชีวิต ผมต้องรับผิดชอบค่าชดเชยจากอุบัติเหตุ ทำให้สถานะทางการเงินย่ำแย่ แม่ยายยอมมอบเงินเก็บทั้งหมดให้ผม เธอออกไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ ขายของในหมู่บ้าน ส่วนผมก็ตั้งใจทำงาน หาเงินใช้หนี้
3 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าแผนก งานมั่นคงขึ้น รายได้ก็ดีขึ้น ผมจึงขอให้แม่ยายหยุดทำงาน เพราะอายุเธอมากแล้วและสุขภาพก็เริ่มทรุดโทรมจากความเหนื่อยล้าตลอดหลายปี เธอก็ยอมทำตามที่ผมขอ
ในปีที่ผ่านมา ผมได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ทำงานด้วยกันและผมเริ่มมีความรู้สึกดีต่อเธอ สามีของเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นเดียวกับภรรยาผม เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีลูกและไม่เคยแต่งงานใหม่ อาจจะเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เราสามารถพูดคุยและเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น
หลายครั้งที่เธอขอมาเยี่ยมบ้านผม เพื่อพบแม่ยายหรือมาพบลูกสาว แต่ผมก็ยังลังเลอยู่ บอกตามตรงว่าผมกังวลว่าแม่ยายจะเสียใจหากเห็นผมเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือกลัวว่าลูกจะรู้สึกไม่ดีที่เห็นพ่อมีผู้หญิงใหม่ อย่างไรก็ตาม ลูกสาวกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอเข้าใจว่าผมมีความรักใหม่และยังสนับสนุนผม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น
ในวัน 8 มีนาคม ผมตัดสินใจมอบของขวัญเซอร์ไพรส์ให้แม่ยาย หลังจากคิดทบทวนหลายคืน ผมจึงตัดสินใจเลือกวัน 8/3 เพื่อบอกแม่ยายว่า ผมมีของขวัญชิ้นใหญ่ที่จะมอบให้ท่าน ในช่วงเย็น ผมนำมินห์ จ้าว แฟนใหม่ของผม มาพบแม่ยาย และนี่ก็เป็นของขวัญที่ผมมอบให้แม่ยายซึ่งถือว่าเป็นแม่แท้ๆ ของผม นั่นคือภรรยาใหม่ มินห์ จ้าว ยังมอบดอกไม้ช่อใหญ่ให้แม่และเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่เธอเลือกผ้าและตัดเย็บเอง
ผมแนะนำมินห์ จ้าว ให้แม่ยายและขอให้ท่านอนุญาตให้เราสร้างชีวิตคู่ด้วยกัน แม่ยายผมจับของขวัญในมือและร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมตกใจคิดว่าคงทำอะไรผิดไป แต่แล้วก็ได้ยินแม่พูดออกมาว่า
“แม่รอวันที่จะเห็นมันมานานแล้ว แม่ก็อยากให้ลูกมีความสุข แต่ไม่กล้าพูด กลัวลูกจะคิดมาก หรือกลัวเพราะแม่แก่แล้วลูกจะลืมความสุขของตัวเอง ในอนาคตแม่จะต้องจากไป หลานสาวก็ต้องไปแต่งงาน ลูกต้องการมีผู้หญิงข้างกาย แม่คือคนที่ควรรู้สึกผิดกับลูก ลูกไม่ต้องขอโทษแม่หรอก” ผมยังจำคำพูดของแม่ยายได้ดี
ท่านบอกว่าอยากให้ผมเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวลูกเขยจะคิดมาก และกลัวหลานจะเสียใจ จึงเก็บไว้ในใจ
ทั้งผมและมินห์ จ้าวยินดีที่จะดูแลแม่และรู้สึกโชคดีที่มีท่านอยู่ข้างๆ ได้รับพรจากแม่ยาย ในวันแต่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อประกาศว่าเราจะอยู่ด้วยกันและเป็นคู่ชีวิต แม่ยายผมก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการมอบสินสอดมูลค่า 30,000 หยวน (ประมาณ 139,000 บาท)
ท่านบอกว่านี่คือเงินที่เก็บออมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งเงินที่ได้จากการทำธุรกิจในช่วงหลายปีมานี้ ซึ่งผมมักจะให้เงินแม่ยายทุกเดือนเล็กน้อย ท่านบอกว่าไม่กล้าใช้จ่าย และรอวันที่จะมอบให้ลูกเขยและลูกสะใภ้ใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ ท่านบอกว่าได้มองผมเป็นลูกชายตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจจะดูแลท่าน หลังจากที่ภรรยาของผมจากไป
เหตุผลที่ผมอยากแชร์เรื่องนี้ในโซเชียลมีเดีย เพราะแฟนใหม่ของผม มินห์ จ้าว ได้แนะนำว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเรื่องราวแบบนี้ในชีวิตจริง และอยากจะแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ เพื่อเก็บเป็นความทรงจำดีๆ และบอกเล่าคำขอบคุณต่อแม่ทุกปี ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นไวรัล หลายคนแชร์เรื่องนี้โดยบอกว่ามีความคล้ายคลึงกัน เช่น การสูญเสียคู่ชีวิต และพ่อแม่ของคู่ชีวิตยังคอยช่วยเลี้ยงดูลูก หรือเป็นผู้ที่สนับสนุนให้ลูกๆ มีความสุขใหม่
“จากเรื่องนี้ เราจะเห็นว่าโลกยังมีเรื่องราวดีๆ ที่อบอุ่นอีกมากมายที่เราไม่เคยรู้ อย่าค้นหาความสุขที่ไหนไกล แค่คุณทำดีกับคนในครอบครัว ความสุขที่สมบูรณ์ก็อยู่ที่นั่นแล้ว” เป็นคอมเมนต์จากผู้ใช้โซเชียลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก